วิธีดูแลเครื่องเสียงรถยนต์

0
200
Car-Audio-Care
Car-Audio-Care

     เครื่องเสียงรถยนต์ เป็นตัวช่วยในการสร้างความบันเทิงให้กับผู้ขับขี่ รวมถึงผู้ร่วมทางได้เป็นอย่างดี ซึ่งอุปกรณ์เครื่องเสียงรถยนต์นั้นก็มีหลายส่วนประกอบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ตัวเครื่องเล่น กรอบวิทยุรถยนต์ ดอกลำโพง และพาวเวอร์แอมป์ เป็นต้น

     ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมีอายุการใช้งาน และต้องการการดูแลที่ต่างกัน เราจึงต้องหมั่นดูแลและบำรุงรักษาเครื่องเสียงรถยนต์ เพื่อยืดอายุเครื่องเสียงรถยนต์ รวมถึงตัวรถยนต์ด้วย เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ วันนี้ Access2Car.com จะมาแนะนำวิธีดูแลเครื่องเสียงรถยนต์ที่ถูกต้อง โดยจะเริ่มตั้งแต่การดูแลรักษาตั้งแต่ตัวรถกันก่อนเลย

Car-Audio-Care_Car

การดูแลรักษาตัวรถยนต์

1.จอดรถในที่ร่ม หรือใช้ม่านบังแดด

     การปกป้องเครื่องเสียงรถยนต์ให้ใช้งานได้นานๆ ควรพยายามจอดรถในที่ร่มจะดีที่สุด ถ้าจำเป็นต้องจอดกลางแจ้ง ควรใช้ม่านบังแดดติดกระจกไว้ด้านที่แสงแดดส่องถึง หรือบังส่วนที่เป็นลำโพงรถยนต์ไว้ เพราะหากปล่อยให้ลำโพงโดนแดดส่องนานๆ อาจทำให้ลำโพงเสื่อมสภาพเร็ว ขอบลำโพงเปื่อย วอยซ์คอยล์ละลาย หรือกรวยลำโพงซีดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้เสียงที่ออกจากลำโพงมีความผิดเพี้ยนไปจากที่ควรเป็น

2. ปิดเครื่องเสียงก่อนสตาร์ทและดับเครื่องยนต์

     ก่อนสตาร์ทรถยนต์ควรเช็กว่าปิดวิทยุ หรือเครื่องเสียงลงเรียบร้อยแล้วหรือยัง เพราะเวลาสตาร์ทรถอาจเกิดไฟกระชากอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการช็อต หรืออุปกรณ์เครื่องเสียงรถยนต์เสียหายได้ เช่น กราวด์ในเครื่องเล่นหรือฟร้อนท์ขาด หรือหน้าจอฟร้อนท์ไม่ติด และก่อนดับเครื่องยนต์ควปิดวิทยุ หรือเครื่องเสียงรถยนต์ก่อน เพื่อเป็นการปิดอุปกรณ์เครื่องเสียงทั้งหมดด้วย

3. เช็กแบตเตอรี่รถยนต์อยู่เสมอ

     ผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบเช็คสภาพไฟของแบตเตอรี่รถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าน้ำกลั่นต่ำกว่าระดับ หรือแบตเตอรี่ครบอายุการใช้งานควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ กรณีที่แบตเตอรี่ไม่ใช้น้ำกลั่น ก็ให้ตรวจดูตาแมวแบตเตอรี่ ว่ามีสัญลักษณ์เป็นอย่างไร แบตเตอรี่พร้อมใช้งานหรือไม่ โดยควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ทุกๆ 3 ปี ถ้าใช้เกินกว่านี้แบตจะเสื่อมสภาพ และส่งผลมายังเครื่องเสียงรถยนต์ให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

4. ล้างรถยนต์และห้องเครื่องให้สะอาด

     นอกจากจะล้างรถให้สะอาดทั้งภายในและภายนอกแล้ว บริเวณห้องเครื่องก็เป็นส่วนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจมีหนูเข้าไปอาศัยและกัดสายไฟได้ ส่วนการทำความสะอาดภายในให้ใช้น้ำธรรมดา ห้ามใช้น้ำยาที่เหนียว หรือมันวาวเช็ดที่หน้ากรวย หรือดอกลำโพงเด็ดขาด เพราะจะทำให้ลำโพงเสื่อมสภาพเร็ว และหมั่นดูดฝุ่นเป็นประจำ ป้องกันฝุ่นเข้าไปในเครื่องเสียง ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอวิทยุ พาวเวอร์แอมป์ และโปรเซสเซอร์ เพราะฝุ่นพวกนี้อาจสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์เครื่องเสียงรถยนต์ได้

Car-Audio-Care_Audio-Care

การดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องเสียงรถยนต์

1. ฟิวส์เครื่องเสียงรถยนต์ควรใส่ในอุปกรณ์กันน้ำ

     ฟิวส์และกระบอกฟิวส์ที่ติดตั้งในห้องเครื่องของรถยนต์ ควรอยู่ในกล่องหรืออุปกรณ์ที่กันน้ำได้ หากน้ำเข้าไปอาจเกิดความเสียหายได้ ส่วนกล่องฟิวส์ที่ติดตั้งก็ควรมีอุปกรณ์ป้องกันเช่นกัน ป้องกันฝุ่นหรือเศษชิ้นส่วนอื่นๆ หล่นลงไปสร้างความเสียหายได้

2. ตรวจแบตเตอรี่เสริมสำหรับเครื่องเสียงรถยนต์

     สำหรับรถยนต์คันไหนที่ติดตั้งแบตเตอรี่เสริมสำหรับเครื่องเสียงรถยนต์ด้วยละก็ ควรตรวจดูแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพดีเสมอ และหมั่นตรวจดูน้ำกลั่นอย่าให้ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน

3. ทำความสะอาดฟร้อนท์อยู่เสมอ

     ควรเช็ดฝุ่น และทำความสะอาดบริเวณฟร้อนท์หรือเครื่องเล่นวิทยุอยู่เสมอ หากเป็นฟร้อนท์ที่ถอดหน้าจอได้ ควรถอดหน้าจอเก็บไว้ในซองหรือห่อแรพ หากจะจอดรถไว้นานๆ หรือหากฟร้อนท์ติดๆดับๆ ให้ลองถอดหน้าจอออกมาทำความสะอาด ลองพยายามเช็ดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ ก็อาจทำให้เครื่องเสียงรถยนต์กลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม

4. อย่าให้ลำโพงโดนแดดนานๆ

     พยายามอย่าให้ลำโพงโดนแสงแดด โดยควรหาม่านบังแดดไม่ให้โดนลำโพง และควรใส่กริลป้องกันเด็กไปโดนลำโพง หรือถ้าถอดลำโพงออกมาควรห่อหุ้มด้วยพลาสติกอีกชั้นป้องกันฝุ่นตกลงไปในช่องของวอยซ์คอยซ์

5. ติดตั้งพาวเวอร์แอมป์และครอสโอเวอร์ไว้ในที่อากาศถ่ายเท

     ควรติดตั้ง พาวเวอร์แอมป์ และโปรเซสเซอร์ หรือครอสโอเวอร์ไว้ในจุดที่มีอากาศถ่ายเท เพื่อให้พาวเวอร์แอมป์ระบายความร้อนได้ดี หากจำเป็นต้องติดตั้งในที่ปิดทึบ ควรเจาะช่องใส่พัดลมเพื่อระบายอากาศ หรือหากจำเป็นต้องติดตั้งพาวเวอร์แอมป์ไว้ใต้เบาะ ควรมีฐานวาง ไม่ควรวางพาวเวอร์แอมป์บนพื้นรถโดยตรง เพราะหากขับรถลุยน้ำ อาจทำให้น้ำซึมเข้าพาวเวอร์แอมป์ได้ หากถอดพาวเวอร์แอมป์ ก็ควรหุ้มพลาสติกป้องกันฝุ่นไว้ด้วยเช่นกัน จากนั้นควรเก็บไว้ในกล่องอุปกรณ์ให้เรียบร้อย

     เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับวิธีดูแลเครื่องเสียงรถยนต์ ที่นำมาฝากกันในบทความนี้ ที่สำคัญอย่าลืมดูแลรถยนต์คันเก่งของคุณให้ดี ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ตามอายุการใช้งานที่ควรจะเป็น แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ